ใกล้โรงแรมซอยงามดูพลี มี Co-working Space บรรยากาศดี ที่ไหนบ้าง ?

อีกหนึ่งสถานที่ดีๆ สำหรับคนทำงานแถวสาทร หรือใกล้ซอยงามดูพลี เวลาทำงานดึกดื่น ไม่มีเวลาพักผ่อน อยากจะหาโรงแรมใกล้ๆ นอน หรือมีสถานที่ที่ทำงานได้อย่างสบายใจ ก็คงต้องมองหาโรงแรมซอยงามดูพลี ที่มี co-working space เน้นบรรยากาศดี ร่มรื่น จะมีที่ไหนบ้างนะ วันนี้จัดมาให้ แต่ละสถานที่มีทั้งใกล้ และอยู่ในซอยงามดูพลีอีกด้วย ตามมาดูกันเลยค่ะ โรงแรม Amanta Hotel & Residence Sathorn โรงแรมอมันตา โฮเต็ล แอนด์ เรสซิเดนซ์ สาทรโรงแรมหรูเปิดใหม่ระดับ 4 ดาว อยู่ในซอยงามดูพลี ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตในย่านนี้ ภายในโรงแรมตกแต่งสไตล์ Luxury – Modern เน้นการตกแต่งแบบเรียบง่าย  ให้ความรู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งที่ได้เข้ามา นอกจากจะเป็นสถานที่พักผ่อนแล้วยังเป็นโรงแรมซอยงามดูพลี ที่มี co-working space สำหรับให้นั่งทำงาน ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน เรียกได้ว่าพื้นที่ส่วนกลางที่ผู้เข้าพักสามารถไปนั่งทำงานได้อย่างสบายใจ ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ พร้อมทั้งชมวิวสระว่ายน้ำสวยๆ ภายในโรงแรม พิกัด 50 ซอยงามดูพลี ถนนพระราม […]

อ่านต่อ: ใกล้โรงแรมซอยงามดูพลี มี Co-working Space บรรยากาศดี ที่ไหนบ้าง ?

ไม่ต้องคิดถึงน้องหมาน้องแมวอีกต่อไป! แนะนำกล้องไร้สายส่องสัตว์เลี้ยง

หนึ่งในอุปกรณ์ที่ผู้ปกครองน้องหมาน้องแมวจะต้องเลิฟกันอย่างมากเลยก็คือกล้องไร้สายสำหรับส่องลูกๆ เพราะกล้องไร้สายที่ผลิตออกมาในปัจจุบันนั้นมีฟังก์ชันมากมายที่จะทำให้คุณเหมือนได้อยู่ใกล้ๆ น้องๆ ตลอดเวลาแม้ต้องห่างไกลกัน เพราะกล้องไร้สายเหล่านี้ก็มักจะมาพร้อมฟังก์ชันส่งเสียง และให้ขนมอยู่ด้วย ว่าแต่จะมีกล้องรุ่นไหนน่าใช้งานบ้างนั้น เราได้รวบรวมมาให้คุณแล้วในบทความนี้! HI-TEK SMART กล้องวงจรปิดไร้สาย WIFI กล้องไร้สายราคาย่อมเยาที่เหมาะกับการตั้งในบ้านที่มีพื้นที่ไม่มาก เพราะนอกจากจะมีขนาดเล็กแล้ว ก็ยังมีขนาดเบา สามารถติดตั้งได้ง่าย และแน่นอนว่าสามารถดูภาพเหตุการณ์แบบ Realtime ได้เลย นอกจากนี้ก็ยังมีไมโครโฟนไว้ให้คุณสื่อสารกับน้องหมาน้องแมวให้หายคิดถึง หรือจะบันทึกภาพวีดิโอแล้วกลับมาเปิดดูทีหลังก็ได้เช่นกันนะ Pawbo + มาต่อกันที่กล้องไร้สายสุดล้ำที่ถึงแม้ว่าจะมีราคาค่อนข้างแรงกว่ารุ่นอื่นๆ แต่ก็มาพร้อมฟังก์ชันแบบจัดเต็ม โดน Pawbo+ สามารถดูภาพในระดับความชัด HD 720P ได้ และสามารถเก็บภาพได้กว้างถึง 130 องศาเลยทีเดียว ทีนี้ไม่ว่าลูกๆ ของคุณจะเดินไปทางไหนก็หาเจอแน่นอน นอกจากนี้ก็ยังสามารถให้ขนมน้องๆ โดยกดผ่านสมาร์ตโฟนของคุณได้อีกด้วย! Bioxo Pet Monitor Camera อีกหนึ่งกล้องไร้สายราคาหลักพันต้นๆ ขนาดจิ๋วแต่แจ๋วสุดๆ สามารถวางไว้ที่มุมต่างๆ ของห้องโดยที่ห้องไม่ดูแน่นหรือเทอะทะจนเกินไป แถมยังมีความทนทานสูง สามารถป้องกันการกระโจนใส่ของน้องๆ ได้ด้วย นอกจากนี้ก็ยังสามารถส่องตอนกลางคืนได้ด้วย ซึ่งมีความคมชัดถึง 720P เลยทีเดียว ส่วนตอนมีไฟจะอยู่ที่ 1080P […]

อ่านต่อ: ไม่ต้องคิดถึงน้องหมาน้องแมวอีกต่อไป! แนะนำกล้องไร้สายส่องสัตว์เลี้ยง

5 เทคนิคเลือกแคล้มป์มิเตอร์ เครื่องมือวัดแอมป์ ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

แคล้มป์มิเตอร์ หรือ Clamp Meter ถือเป็นเครื่องมือวัดแอมป์สำหรับสแดงค่าปริมาณไฟฟ้าในรูปแบบตัวเลข ให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย และอ่านค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลในวงจรได้โดยไม่ต้องหยุดการทำงานของอุปกรณ์ที่ต้องการได้นั่นเอง ซึ่งอุปกรณ์ตัวนี้ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญ ไม่ว่าจะในอุตสาหกรรมใดก็ตาม เนื่องจากแคล้มป์มิเตอร์เป็นเครื่องมือที่มีขนาดเล็ก พกพาง่าย และคล่องตัวระหว่างการใช้งานมากกว่าเครื่องมือวัดแอมป์รูปแบบอื่น เทคนิคการเลือกแคล้มป์มิเตอร์ เลือกจากคุณภาพและการรับรองมาตรฐาน แน่นอนว่าสิ่งสำคัญในการเลือกซื้อเครื่องมือวัดแอมป์ก็คือเรื่องของคุณภาพและมาตรฐานการผลิต เพื่อให้เครื่องมือสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย และต้องเลือกให้เหมาะสมตามแรงดันไฟฟ้าที่ต้องการ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและใช้งานได้อย่างดีที่สุด เลือกจากความละเอียดและความแม่นยำในการใช้งาน เนื่องจากความละเอียดและความแม่นยำของอุปกรณ์วัดแอมป์ ก็จะช่วยให้ค่าต่างๆ นั้นชัดเจนมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้การคำนวณและวัดค่าต่างๆ เป็นไปอย่างแม่นยำมากที่สุด โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเพื่อซื้ออุปกรณ์ใหม่หรือซื้ออุปกรณ์ที่แพงเกินไปแล้วไม่ได้ใช้งานอย่างเต็มที่ เลือกจากอุปกรณ์ที่มีฟังก์ชันในการทำงานที่ครบทุกความต้องการ เป็นที่รู้กันดีว่าการเลือกอุปกรณ์วัดแอมป์นั้น จำเป็นจะต้องมีฟังก์ชันการใช้งานที่ครบทุกความต้องการ ไม่ว่าว่าจะเป็นการวัดไฟฟ้ากระแสตรง (DC) การวัดไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) การวัดความต้านทาน การวัดไดโอด วัดคาปาซิเตอร์ ไปจนถึงการหน้าจอการแสดงผล ไฟแสดงหน้าจอ เพื่อช่วยให้สามารถอ่านค่าต่างๆ ได้อย่างชัดเจน แม้จะอยู่ในพื้นที่ที่แสงน้อยก็ตาม เลือกจากอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนาน ก็จะช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานทั้งนอกและในสถานที่ได้นั่นเอง เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน คุ้มค่า และไม่ต้องกังวลเมื่อต้องออกไปนอกสถานที่แล้วแบตเตอรี่จะหมดเมื่อไหร่ด้วย เลือกจากขนาดของปากแคล้มป์มิเตอร์ สำหรับเครื่องมือวัดแอมป์อย่างแคล้มป์มิเตอร์นั้น จำเป็นที่จะต้องเลือกจากขนาดของปากอุปกรณ์ให้เหมาะสม เพราะว่าถ้าหากเลือกขนาดของเครื่องมือที่เล็กเกินไป ก็อาจจะทำให้ตัวสายไฟกับปากแคล้มป์อยู่ติดกันเกินไป และทำให้ค่าที่วัดออกมาไม่มีความแม่นยำได้นั่นเอง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกแคล้มป์มิเตอร์ ก็ควรที่จะต้องทำการเปรียบเทียบสเปคและรุ่นของเครื่องมือวัดแอมป์ให้ดี […]

อ่านต่อ: 5 เทคนิคเลือกแคล้มป์มิเตอร์ เครื่องมือวัดแอมป์ ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

4 Tips ง่ายๆ ที่จะช่วยให้การทำโฆษณาบน Facebook ของแบรนด์คุณได้ผลแบบสุดๆ

หนึ่งในช่องทางการตลาดเชิงดิจิทัล (Digital Marketing) ที่ทรงพลังมากที่สุดช่องทางหนึ่งเลยก็คือการทำโฆษณาผ่าน Facebook แพลตฟอร์มโซเชียลพื้นฐานที่เรียกได้ว่าอยู่ในมือของผู้ใช้งานทั่วไปแทบจะทุกคน นอกจากจะใช้เพื่อติดต่อสื่อสารกับเพื่อน, ครอบครัวหรือคนรู้จักแล้ว พบว่าพฤติกรรมของผู้ใช้งานทั่วไปยังใช้ Facebook ในการเสพข้อมูลข่าวสารทั่วไป ตลอดไปจนถึง Facebook ยังสามารถใช้เป็นแพลตฟอร์มในการทำโฆษณาสินค้าประเภทต่างๆ อ้างอิงจากพฤติกรรมการใช้งาน ความสนใจ หรือความชอบของผู้บริโภค แต่ทั้งนี้การทำโฆษณาบน Facebook นั้นจะมีเทคนิคหรือเคล็ดลับอะไรในการขับเคลื่อนแบรนด์ให้กลายเป็นที่รู้จักและได้ผลบ้าง ตามมาดูกันเลย โปรโมทเพจให้กลายเป็นที่รู้จัก เริ่มต้นด้วยเทคนิคง่ายๆ อย่างแรกของการทำโฆษณาผ่าน Facebook เพื่อโปรโมทแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ ก่อนอื่นเลยแนะนำให้เริ่มต้นที่การโฆษณาเพจตนเองก่อนเป็นอันดับแรก กล่าวง่ายๆ คือเป็นการโฆษณาบอกต่อกันแบบปากต่อปากให้คนรู้จักหรือคนที่อยู่ในแวดวงธุรกิจคุณรับทราบ ตลอดไปจนถึงอาจจะส่งคำเชิญ (Invitation) ไปยังบุคคลต่างๆ ให้เข้ามากดถูกใจเพจของเรา ช่วยสร้างฐานแฟนเพจ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการเริ่มต้นทำโฆษณาออนไลน์ เปลี่ยน URL ให้ง่ายต่อการจำ ลำดับถัดมาคือการเปลี่ยนชื่อ URL ของเพจให้กลายเป็นที่จดจำ ง่ายต่อการเข้าถึง แต่ทั้งนี้หนึ่งในกฎเกณฑ์ของการทำโฆษณาผ่าน Facebook ก็ต้องมาจากการเพิ่มยอด Like เพจให้ถึง 25 คนเสียก่อน Facebook จึงจะอนุญาตให้เจ้าของเพจเปลี่ยนชื่อ URL ของเพจได้ อีกหนึ่งคำแนะนำของการเปลี่ยนชื่อเพจควรเป็นอะไรที่จดจำง่าย อย่างเช่นการเริ่มต้นด้วยชื่อแบรนด์แล้วอาจจะตามด้วยคำว่า […]

อ่านต่อ: 4 Tips ง่ายๆ ที่จะช่วยให้การทำโฆษณาบน Facebook ของแบรนด์คุณได้ผลแบบสุดๆ

3 ไอเดียเซฟพื้นที่ ด้วยฟังก์ชันการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์ห้องครัว

จากหลาย ๆ ปีที่ผ่าน จะเห็นได้ว่าดีไซน์ของบ้านและคอนโดเริ่มถูกสร้างให้มีพื้นที่ใช้สอยที่จำกัดมากขึ้น ด้วยปัจจัยทางด้านพื้นที่ที่บีบให้แปลนต้องปรับขนาดลง นอกเหนือจากนี้ยังเป็นข้อดีสำหรับคนที่มองหาที่พักอาศัย เพราะการสร้างให้พื้นที่ใช้สอยน้อยลงย่อมหมายถึงราคาการขายที่ถูกลงมาตาม ๆ กัน แต่ข้อจำกัดสำหรับเรื่องนี้ก็ยังมีอยู่บ้าง โดยเฉพาะกับการจัดการกับพื้นที่โซนห้องครัว ว่าจะต้องเลือกเฟอร์นิเจอร์อย่างไรให้มีพื้นที่เหลือมากพอ และไม่ดูอึดอัดจนเกินไป บทความนี้จะมาบอกไอเดียดี ๆ สำหรับการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ห้องครัวผ่านฟังก์ชันลูกเล่นหลาย ๆ แบบ โต๊ะประหยัดพื้นที่ โต๊ะทานอาหาร เป็นหนึ่งในเฟอร์นิเจอร์ห้องครัวที่ถูกจัดเอาไว้ในประเภทเดียวกัน โดยเฉพาะกับที่พักอาศัยที่มีพื้นที่น้อยอย่างคอนโดมิเนียม ทำให้โต๊ะถูกจำกัดให้ต้องวางในโซนห้องดงกล่าว แต่จะทำอย่างไรให้โต๊ะทานอาหารไม่วางไว้ลอย ๆ กินพื้นที่ และขวางทาง เรามีทางออกด้วยการเลือกโต๊ะทานอาหารที่มีฟังก์ชันพับเก็บได้อิสระ ไม่ว่าจะเป็นแบบพับเก็บกับผนัง หรือสร้างเคาร์เตอร์ครัวใช้แทนโต๊ะอาหาร เพื่อประหยัดพื้นที่ให้ห้องครัวดูกว้างยิ่งขึ้นก็ได้ ตู้เก็บของแบบติดผนังและเพดาน การเลือกเฟอร์นิเจอร์ห้องครัวบิ้วท์อินถือเป็นคีย์หลักที่ตอบโจทย์ที่พักอาศัยที่มีพื้นที่จำกัดมากที่สุด เรียกได้ว่าวิธีการเลือกที่ฉลาดเป็นอย่างมาก ซึ่งการเลือกตู้ประเภทบิ้วท์อินที่สามารถออกแบบได้ตามความต้องการนั้น จะทำให้คุณคำนวณการใช้งานและการจัดเก็บที่เหมาะสม สอดคล้องไปกับความสวยงามในการตกแต่งได้อย่างพอดี โดยทั่วไปจะนิยมยึดตู้ติดกับฝาผนังที่ว่าง และทำเป็นช่อง แต่นอกจากนี้ยังสามารถยึดติดกับเพดานด้านบนเหนือศีรษะ เป็นการใช้พื้นที่ได้อย่างเหมาะสม จะทำเป็นช่อง ชั้นไม้ หรือรางสำหรับแขวนแก้ว แขวนอุปกรณ์ ก็สวยงาม ได้ทั้งการตกแต่งแบบมีเอกลักษณ์ และการใช้งานที่เหมาะสม ลิ้นชักอเนกประสงค์ หนึ่งในเฟอร์นิเจอร์ห้องครัวที่ขาดไม่ได้ คือลิ้นชักสำหรับใส่อุปกรณ์เครื่องครัว จานชาม และข้าวของเครื่องใช้ ซึ่งลิ้นชักทั่วไปอาจเก็บได้ดี แต่ไม่สามารถบรรจุได้เพียงพอ […]

อ่านต่อ: 3 ไอเดียเซฟพื้นที่ ด้วยฟังก์ชันการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์ห้องครัว

ไขปัญหากลุ้มใจของทาสแมว ใช้ยาหยอดหมัดแมวอันตรายจริงหรือ?

ปัญหากวนใจทั้งทาสและเจ้าแมวอย่างหมัด เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงแทบจะไม่ได้ ยิ่งถ้าบ้านไหนเลี้ยงน้องแมวแบบระบบเปิด สมทบด้วยการเลี้ยงคู่กับสุนัข ยิ่งน่ากังวลเข้าไปใหญ่ เพราะอาจเกิดการติดไปติดมาจนขยายไปไม่หยุด แต่ใช่ว่าปัญหาเกิดขึ้นแล้วจะไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะยังมีหลากหลายวิธีที่จะช่วยกำจัดหมัดแมวออกไป และหนึ่งในนั้นคือการใช้ยาหยอดหมัดแมว อย่างไรก็ตาม ยังมีการถกเถียงถึงเรื่องความปลอดภัยของการใช้ยาหยอดหมัดแมวในหมู่คนเลี้ยงสัตว์ บทความนี้จะมาช่วยให้คำตอบ ยาหยอดหมัดแมวอันตราย…จริงหรือ? ต้องบอกก่อนเลยว่าจะเป็นยาตัวไหน รักษาโรคอะไรก็ตามต่างก็มีผลข้างเคียงจากการใช้ยาเป็นเรื่องธรรมดา เพียงแต่จะมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับร่างกายของสัตว์แต่ละตัว และตัวยาที่ใช้งาน ซึ่งยาหยอดหมัดแมวเองก็มีหลายเกรด และมีทั้งของที่ผ่านการรับรอง และยังไม่ผ่านดี ซึ่งส่วนมากที่บอกกันว่ายาหยอดหมัดพวกนี้อันตรายนะ ก็มักจะมาจากการเจอแจ็กพอตก้อนโตอย่างการใช้ยาที่ไม่ผ่านการรับรองอย่างถูกต้อง ก็เลยทำให้ผลกรรมมาตกอยู่ที่น้องแมวแทน แต่ถึงอย่างนั้นการใช้ยาหยอดหมัดแมวก็ดูเหมือนจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุมากกว่า ดังนั้น ถ้าอยากจะให้ลาขาดจากปัญหาหมัดกวนใจก็ควรจะเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเลี้ยงของเราซะใหม่ ซึ่งสามารถทำได้ตามวิธีการด้านล่างนี้ หลีกเลี่ยงการเลี้ยงแมวระบบเปิด สาเหตุของการเป็นหมัด หลัก ๆ มาจากสภาพแวดล้อมในการเลี้ยง หลายบ้านอาจใช้การเลี้ยงระบบเปิด ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตอย่างอิสระ แต่ระหว่างทางใครจะรู้ว่าแมวตัวโปรดของคุณจะไปอยู่ที่ไหน และทำอะไรมาบ้าง ระหว่างนั้นอาจเป็นช่วงที่หมัดตัวร้ายกำลังเล็งขึ้นตัวพวกเขาจนติดกลับมาก็ได้ ดังนั้น ถ้าสามารถเลี่ยงได้ก็จะช่วยลดโอกาสการเป็นหมัดไปได้มากเลยทีเดียว ใช้ยาทุกเดือนหรือ 3 เดือน เมื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเลี้ยงได้แล้ว ลำดับถัดมาคือการดูแลที่ต้องเอาใจใส่กันมากเสียหน่อย หากต้องการจะโบกมือลากับหมัดตัวร้ายกันแบบยาว ๆ ก็ควรจะพาแมวของคุณไปเข้ารับการรักษาหรือกำจัดหมัดด้วยการให้ยาอย่างต่อเนื่องทุก ๆ 3 เดือน ตามคำสั่งแพทย์ กำจัดหมัดจากสัตว์ตัวอื่น สำหรับกรณีที่บ้านไหนเลี้ยงแมวรวมกันหลาย ๆ ตัว อาจจะต้องเหนื่อยเพิ่มกับวิธีนี้ด้วยการนำแมวแต่ละตัวมานั่งหาหมัดเพื่อกำจัด […]

อ่านต่อ: ไขปัญหากลุ้มใจของทาสแมว ใช้ยาหยอดหมัดแมวอันตรายจริงหรือ?

3 บริษัทรับตัวแทนขายเฟอร์นิเจอร์ไม่สต๊อกสินค้า ของคุณภาพดี คืนทุนไว

ในยุคที่ COVID-19 ทำให้หลายคนต้องทำงานอยู่กับบ้านเป็นระยะเวลานาน ๆ แน่นอนว่าคนจำนวนไม่น้อยก็อาจใช้โอกาสในช่วงเวลานี้เพื่อรื้อฟื้นแพสชันเก่า ๆ และผันตัวมาทำสิ่งที่อยากทำมานาน ซึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ๆ หลาย ๆ ครั้ง แพสชันของทุกคนเองก็จำเป็นต้องใช้พื้นที่จำนวนมหาศาลเช่นเดียวกัน ดังนั้น หากเรายังเชื่อว่าในวิกฤตย่อมมีโอกาสซ่อนเร้นตัวอยู่นั้น รู้หรือไม่? การที่หลาย ๆ คนไขว่คว้าหา ‘พื้นที่’ เพื่อทำอะไรบางอย่างนี้ก็สามารถพลิกโอกาสให้เรามีรายได้เสริมได้จากการเป็นตัวแทนขายเฟอร์นิเจอร์ไม่สต๊อกสินค้านั่นเอง ซึ่งการไม่ต้องสต๊อกของก่อนนี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อดีที่ทำให้เราสามารถเลือกจัดสรรต้นทุนได้อย่างสะดวกมากกว่า แถมยังสร้างโอกาสการทำกำไรในต้นทุนที่ไม่เสียเปล่าอีกด้วย แล้วการเป็นตัวแทนขายเฟอร์นิเจอร์ไม่สต๊อกสินค้าที่ไหนจะตอบโจทย์ความต้องการเราได้ มาทำความรู้จักกับ 3 บริษัทที่น่าสนใจร่วมลงทุนที่เรานำมาฝากนี้ได้เลย! JBUYNOW สำหรับใครที่สนใจเป็นตัวแทนขายเฟอร์นิเจอร์ไม่สต๊อกสินค้าที่มีดีไซน์ และการใช้งานให้ได้เลือกขายอย่างหลากหลายมากที่สุด บอกเลยว่า JBUYNOW ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงแต่จะมีสินค้าของแต่งบ้าน ตลอดจนเฟอร์นิเจอร์ให้ได้เลือกสรรแบบครบครันเท่านั้น แต่ทุกสินค้าที่ JBUYNOW ยังมาพร้อมกับคุณภาพที่จัดเต็ม สามารถใช้งานได้ยาวนาน และทนทานจนทำให้ลูกค้าหลาย ๆ ตัดสินใจกลับมาซื้อซ้ำได้ต่อเนื่องอีกด้วย ที่สำคัญ ตัวแทนขายเฟอร์นิเจอร์ไม่สต๊อกสินค้าที่ JBUYNOW ยังได้รับการดูแลตั้งแต่การเลือกเฟอร์นิเจอร์มาขายไปจนถึงการจัดการงบประมาณอีกด้วย ถือได้ว่าครบจบในที่เดียว มือใหม่ก็ทำได้สบาย Omocha แต่สำหรับใครที่กำลังจับเทรนด์ของแต่งบ้าน และเฟอร์นิเจอร์สไตล์มูจิ ญี่ปุ่น หรือสไตล์เกาหลีนั้น บอกเลยว่า Omocha ก็เป็นอีกหนึ่งร้านที่เปิดรับตัวแทนขายแบบไม่สต๊อกสินค้าที่น่าเก็บไว้พิจารณา […]

อ่านต่อ: 3 บริษัทรับตัวแทนขายเฟอร์นิเจอร์ไม่สต๊อกสินค้า ของคุณภาพดี คืนทุนไว

ประกันชีวิตดีอย่างไร ทำไมคน “ทุกวัย” ไม่ควรมองข้าม?

ยิ่งโลกเปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่ ชีวิตคนเราก็มีความเสี่ยงภัยมากขึ้นเท่านั้น และคำกล่าวที่ว่า ความตายใกล้แค่เอื้อมมือ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะตื่นมาไหม หรือตื่นมาออกจากบ้านแล้วจะประสบเหตุอะไรให้ต้องบอกลาโลกนี้ไปหรือเปล่า ซึ่งแม้ตัวเราจะพ้นทุกข์ไปแล้ว แต่คนข้างหลังที่ยังเหลืออยู่อาจต้องแบกรับภาระหนัก ประกันชีวิตจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เรามาดูกันดีกว่าว่า ประกันชีวิตดีอย่างไร ทำไมคนทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นเพิ่งเริ่มทำงาน วัยกลางคน คนเข้าวัยทอง หรือแม้แต่พ่อแม่ทำให้ลูก จึงไม่ควรมองข้าม? ชีวิตไม่แน่นอน อย่างที่เราได้บอกกันไป เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเราจะลาจากโลกนี้ไปเมื่อไหร่ บางทีอาจจะเป็นวันนี้ พรุ่งนี้ หรืออีกสิบปี แม้นั่งอยู่เฉย ๆ ที่บ้านก็อาจมีอาการของโรคอะไรกำเริบขึ้นมากะทันหันก็ได้ เพราะฉะนั้น เพื่อตอบรับความไม่แน่นอนแบบนี้ การทำประกันชีวิตจึงสำคัญมาก ไม่เป็นภาระคนข้างหลัง ประกันชีวิตดีอย่างไร สืบเนื่องจากข้อแรกที่ว่า ชีวิตของคนเราไม่แน่นอน การมีประกันเอาไว้จะช่วยให้เราไม่เป็นภาระของคนข้างหลัง ในกรณีที่เราเกิดพิการหรือเสียชีวิต จะได้มีเงินชดเชยตกถึงครอบครัว ไม่ต้องลำบากเรื่องค่าใช้จ่ายหลังจากเสียชีวิต และหากเราเป็นเสาหลักของครอบครัวในการหารายได้มาจุนเจือ คนในบ้านก็จะมีเงินชดเชยในการใช้ชีวิตไปได้ระยะหนึ่งโดยไม่ลำบาก พ่วงประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุได้ ไม่ยุ่งยาก สามารถทำประกันชีวิตพ่วงกับประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุได้เลยโดยไม่ต้องทำแยกกัน ซึ่งข้อดีของการมีประกันเหล่านี้เอาไว้ก็คือ หากเกิดเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บขึ้นมา สามารถใช้สิทธิ์เบิกค่ารักษาพยาบาลและเงินชดเชยรายได้ได้ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ เพื่อให้สอดคล้องกับค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นทุกปีและอาจกลายเป็นภาระก้อนใหญ่หากเป็นโรคหรือบาดเจ็บร้ายแรง ยิ่งซื้อตอนอายุน้อย เบี้ยยิ่งถูก อีกหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำประกันชีวิตดีอย่างไรก็คือเรื่องของเบี้ยประกันที่หากเริ่มทำเลยตั้งแต่ตอนนี้ก็มีโอกาสจะได้จ่ายเบี้ยถูกกว่าการไปทำเอาช่วงที่อายุมากแล้ว และยิ่งทำเร็วก็เหมือนได้รับความคุ้มครองเลยตั้งแต่วันนี้ ต่อไปเวลาใช้ชีวิตก็จะได้มั่นใจว่าหากเกิดเรื่องฉุกเฉิน ตัวเองจะไม่เป็นภาระของใคร เพิ่มความมั่นคงให้ชีวิต นอกจากนี้ ประกันชีวิตดีอย่างไรอีก ก็ดีตรงที่เมื่อถึงครบกำหนดตามที่เขียนไว้ในกรมธรรม์แล้ว ทางประกันจะเริ่มคืนเงินกลับมาให้ […]

อ่านต่อ: ประกันชีวิตดีอย่างไร ทำไมคน “ทุกวัย” ไม่ควรมองข้าม?

6 เป้าหมายของการเรียนพิเศษภาษาอังกฤษออนไลน์

การเรียนพิเศษภาษาอังกฤษออนไลน์มีข้อดีมากมาย ข้อดีแรกที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยคือ คุณไม่ต้องเดินทางไปไหน แค่มีคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟน ก็เรียนได้แล้ว ข้อดีอีกข้อหนึ่ง คือ ราคาถูกกว่าเรียนแบบตัวต่อต่อ จากนี้เรามาดูกันว่าแต่ละคนเลือกเรียนพิเศษภาษาอังกฤษออนไลน์ด้วยเหตุผลใดกันบ้าง เรียนภาษาอังกฤษเพื่อเพิ่มเกรด เป้าหมายอันดับแรกๆที่หลายคนนึกออกเมื่อเรียนพิเศษภาษาอังกฤษออนไลน์คือ เรียนเพื่อเพิ่มเกรด เรียนเพราะอยากได้เกรด 4 นั่นเอง นับว่าเป้าหมายยอดนิยมของนักเรียนตั้งแต่ชั้นประถมไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัยกันเลยทีเดียว ซึ่งการเรียนเพิ่มเกรดมักมีการลงทะเบียนเรียนควบคู่ไปกับการเรียนปกติ เรียนภาษาอังกฤษเพื่อสอบปลายภาค “เรียนๆ เล่นๆ” มักเป็นคำที่เราได้ยินกันจนคุ้นหูจากนักเรียนแทบทุกระดับชั้น แต่เมื่อวันสอบปลายภาคมาถึง นักเรียนที่เล่นมากกว่าเรียนอาจจะหาติวเตอร์สอนพิเศษภาษาอังกฤษกันแทบไม่ทัน เรียนภาษาอังกฤษเพื่อสอบวัดความรู้ การสอบวัดความรู้อาจเป็นการสอบวัดความรู้เพื่อศึกษาต่อในสถานศึกษาใหม่ หรือสอบผ่านข้อสอบที่สำคัญ เช่น TOEIC TOEFL เป็นต้น การเรียนพิเศษภาษาอังกฤษออนไลน์แบบนี้จึงมักมีการเตรียมเนื้อหาที่ค่อนข้างเข้มข้น เรียนภาษาอังกฤษเพื่อสัมภาษณ์งาน การเรียนพิเศษภาษาอังกฤษแบบนี้มักเป็นคอร์สระยะสั้นๆที่ติวเตอร์สอนภาษาอังกฤษจะช่วยติวการสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษให้ผู้สอบสัมภาษณ์ได้ ติวเตอร์บางคนอาจจะช่วยคิดคำแนะนำตัวและวิธีการตอบคำถามต่างๆให้ผู้สัมภาษณ์งานด้วย เรียนภาษาอังกฤษเพื่อใช้ในที่ทำงาน ผู้เรียนจะต้องให้ความร่วมมือกับติวเตอร์สอนภาษาอังกฤษในการเตรียมเนื้อหาการสอนสำหรับคอร์สเรียนภาษาอังกฤษเช่นนี้มากกว่าการเรียนเพื่อเป้าหมายประเภทอื่นๆ เพราะคุณจะต้องให้ข้อมูลแก่ติวเตอร์ภาษาอังกฤษของคุณเกี่ยวกับงานที่คุณทำ และหัวข้อใดที่คุณมีปัญหาในการใช้ภาษาอังกฤษในที่ทำงานของคุณ นอกจากนี้ผู้เรียนยังต้องเรียนพูดภาษาอังกฤษเพื่อให้ออกเสียงได้ถูกต้อง เพื่อให้เพื่อนร่วมงานเข้าใจอีกด้วย เรียนภาษาอังกฤษเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน การเรียนแบบนี้จะครอบคลุมการใช้ภาษาอังกฤษในทุกย่างก้าวของคุณในทุกๆวัน คุณจะได้เรียนรู้วิธีการสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษสำหรับทุกกิจวัตรประจำวันของคุณ ไม่ว่าเป้าหมายการเรียนพิเศษภาษาอังกฤษออนไลน์ของคุณจะเป็นอะไร สิ่งที่สำคัญพอๆกับการโฟกัสเป้าหมายการเรียนของคุณ คือการหาครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษออนไลน์ที่เหมาะกับคุณ เพื่อที่คุณจะได้ไม่เสียเงินค่าเรียนพิเศษไปโดยเปล่าประโยชน์

อ่านต่อ: 6 เป้าหมายของการเรียนพิเศษภาษาอังกฤษออนไลน์

5 หูฟังช่วยให้เรียนภาษาอังกฤษดีขึ้น

อุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนพิเศษภาษาอังกฤษออนไลน์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ในการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ เราไม่ได้เรียนแค่การอ่าน หรือการสะกดคำเท่านั้น แต่ยังต้องเรียนกการออกเสียงอีกด้วย การมีหูฟังดีๆที่ช่วยให้เราได้ยินเสียงที่ครูสอนพิเศษได้ดีขึ้น Logitech H390 เป็นหูฟังราคาถูกเมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่นๆ คุณภาพเสียงดีปานกลางและไมโครโฟนก็ดี เสียงไม่แตก ช่วยให้ไม่เสียสมาธิเมื่อเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ มีปุ่มปิดเสียงด้วย ข้อเสียคือหากเรียนเป็นเวลานาน อาจรู้สึกหนักๆหัวหน่อย อายุการใช้งานประมาณหนึ่งปี และมันไม่ใช่หูฟังแบบ Bluetooth ต้องเสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์ Soundcore Life P2 เป็นหูฟังที่เรียกว่า in-ears ให้เสียงโอเคอยู่ เวลาเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์จะช่วยให้ได้ยินเสียงครูสอนพิเศษชัดเจน และครูก็ได้ยินเสียงเราชัดดีเหมือนกัน ราคาถูก เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบหูฟังแบบ On-ears ข้อเสียงคือหูฟังแบบนี้เวลาใช้ไปสักชั่วโมงหนึ่งอาจจะต้องถอดออก เพื่อพักหู และใส่ใหม่ และบางคนอาจไม่ชอบหูฟังแบบ In-ears Apple AirPod 3 แบรนด์นี้น่าเชื่อถือแน่นอน ให้เสียงดี และไม่ได้เป็น In-ears ไม่มีซิลิโคนแยงเข้าไปในหู ไม่หนักหู สามารถใช้ในการเรียนพูดภาษาอังกฤษออนไลน์ได้นานพอสมควร ข้อเสียคือมันมีขนาดเดียว แม้ว่าบริษัทจะอ้างว่าเป็นหูฟังที่เหมาะกับหูทุกขนาด แต่จริงๆแล้วสำหรับคนที่มีใบหูเล็ก จะรู้สึกเจ็บรอบๆหู Apple AirPod 3 Pro เป็นหูฟังอีกรุ่นจากบริษัท Apple […]

อ่านต่อ: 5 หูฟังช่วยให้เรียนภาษาอังกฤษดีขึ้น